ชุดไปงานแต่ง ใกล้ฉัน
การจะตัดสินใจว่าแต่งตัวยังไงให้เหมาะกับงานแต่ง บางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีกฎไม่เป็นลายลักษณ์อักษรเยอะมาก ขึ้นอยู่กับรูปแบบของงาน คำแนะนำของเราคือ ลองหาข้อมูล พูดคุยกับคู่บ่าวสาว และมองหาร้านที่เข้าใจเรื่องชุดไปงานแต่งงานเป็นอย่างดี
ขั้นตอนที่หนึ่ง
ลดความเครียดในการวางแผนงานแต่งงานของคุณ และประหยัดเวลาอันมีค่าด้วยเครื่องมือวางแผนฟรีของเรา พื้นที่สำหรับงานแต่งงานโดยเฉพาะนี้จะช่วยให้คุณจัดระเบียบและวางกำหนดการงานทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะวางแผนเองคนเดียว หรือร่วมกันกับนักวางแผนงานแต่งงานของคุณ
ขั้นตอนที่สอง
เมื่อแผนงานแต่งงานเริ่มลงตัว ก็ถึงเวลาตามหาทีมร้านค้าและผู้ให้บริการที่จะมาช่วยเนรมิตวันสำคัญของคุณให้เป็นจริง ด้วยเครื่องมือค้นหาผู้ให้บริการและสถานที่จัดงานสุดล้ำของเรา เราจะช่วยจับคู่คุณกับซัพพลายเออร์ที่เหมาะที่สุด และช่วยให้คุณสร้างทีมงานแต่งงานในฝันได้อย่างครบถ้วน
ชุดและเครื่องแต่งกาย
แสดงบนแผนที่พอได้รับการ์ดงานแต่งแล้วเห็นว่ามีระบุชุดหรือธีมมาให้ มันช่วยชีวิตได้มาก เพราะอย่างน้อยคุณก็พอรู้แล้วว่าควรแต่งตัวยังไง จะได้ไม่เผลอทำให้ตัวเองเสียหน้า ทั้งที่งานยังไม่เริ่ม นั่นเพราะเรื่อง “ชุดไปงานแต่ง” นี่แหละ ที่หลายครั้งทำให้เราไม่แน่ใจว่าควรแต่งประมาณไหนถึงจะเหมาะสม
ชุดแขกสไตล์ทางการจัดเต็มถือว่าเป็นแนวที่เจอบ่อยที่สุด และถ้าคู่บ่าวสาวจัดงานลักษณะนี้ ก็มักจะระบุชัดเจนไว้บนการ์ด ถ้าเห็นคำว่า black tie ก็จะพอเดาได้เลยว่าบรรยากาศงานประมาณไหน แต่พอเป็นกึ่งทางการ หรือแบบสบาย ๆ หน่อย หลายคนก็มักจะเริ่มสับสนว่าจริง ๆ แล้วควรแต่งอะไรดี
วิธีเริ่มต้นที่ดีคือ ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่ง โดยเฉพาะตัวสถานที่จัดเลี้ยง ลองดูรูปงานแต่งที่ผ่านมา คุณจะพอจับโทนได้ว่างานที่จัดที่นั่นส่วนใหญ่อารมณ์แบบไหน แถมยังอาจได้ไอเดียสำหรับชุดของตัวเองไปด้วย
ระดับชุดแขกที่เป็นทางการที่สุดคือ white tie และ black tie โดย white tie จะเป็นทางการที่สุด งานสไตล์นี้เหมาะกับเดรสยาวลากพื้น ชุดค็อกเทลที่เนี้ยบ หรือจัมป์สูท/กางเกงสูทที่ดูหรูหรา แต่ถ้าเป็น white tie จริง ๆ จะเน้นเดรสยาวเป็นหลัก สำหรับผู้ชาย ทั้งสองแบบคาดหวังให้ใส่ทักซิโด้
ถ้าการ์ดระบุว่าเป็นงานทางการ (formal) ผู้หญิงก็สามารถแต่งได้คล้ายกับงาน black tie แต่จะมีอิสระเรื่องความยาวกระโปรงมากขึ้นเล็กน้อย ส่วนผู้ชายจะใส่ทักซิโด้ก็ได้ แต่ไม่ใช่ข้อบังคับ สูทดี ๆ สักชุดที่ดูเรียบร้อยก็เพียงพอสำหรับงานลักษณะนี้
งานแต่งโทนค็อกเทลจะดูผ่อนคลายกว่างานทางการเต็มรูปแบบเล็กน้อย แต่ยังคงเน้นความหรูหราและเนี้ยบอยู่ดี ลองนึกถึงเดรสความยาวระดับเข่าที่ดูเรียบร้อย หรือเดรสยาวระดับกลาง ๆ ที่มีดีเทลเก๋ ๆ ในโทนสีที่เข้ากับฤดูกาล ส่วนหนุ่ม ๆ ใส่สูทกับเนกไทได้ แต่ไม่จำเป็นต้องจัดเต็มมากนัก
สำหรับงานแต่งกึ่งทางการและงานแต่งสบาย ๆ โทนชุดจะแปรผันไปตามฤดูกาลและสถานที่จัดงาน ชุดของคุณควรดูกลมกลืนกับบรรยากาศงาน เช่น งานเย็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเหมาะกับโทนสีเข้ม ผ้าหนา ๆ หรือกระโปรงยาวขึ้นมาหน่อย ในขณะที่งานกลางวันช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชุดโทนสีอ่อน ผ้าพลิ้ว ๆ เบาสบายจะช่วยให้ลุคของคุณดูดีมาก
กฎกึ่งทางการเดียวกันนี้ใช้กับผู้ชายเช่นกัน โดยเฉพาะหน้าร้อนที่มักจะไม่ต้องใส่เสื้อสูท แค่เชิ้ตแขนยาวกับกางเกงขายาวที่ดูสุภาพก็เพียงพอ
ชุดสบาย ๆ ยังใกล้เคียงกับสไตล์งานแต่งปลายทางที่จัดในประเทศอากาศร้อน เดรสผ้าคอตตอนแบบซันเดรส รองเท้าส้นเตารีด และหมวกปีกกว้างนิ่ม ๆ คือชุดยอดนิยมของแขกผู้หญิงที่ไปงานแต่งริมทะเล
ไม่ว่าการ์ดจะเขียนว่า white tie หรือแต่งตัวมาในแบบที่เป็นตัวคุณเอง สิ่งสำคัญที่ควรจำไว้คือ นี่คืองานแต่งงาน และถ้าคุณเลือกแต่งตัวไปในโทนสบาย ๆ มาก ๆ แนะนำให้เผื่อความเป็นทางการเพิ่มขึ้นจากที่คิดไว้อีกหนึ่งระดับ คุณมีโอกาสรู้สึกเขินน้อยกว่ามาก หากแต่งตัวสุภาพเกินไปเล็กน้อย แทนที่จะดูแต่งตัวน้อยไป
ก่อนจะซื้อชุดไปงานแต่งใหม่ ลองถามคนใกล้ชิดคู่บ่าวสาว หรือถามคู่บ่าวสาวโดยตรงดูก่อนว่าเพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวแต่งโทนไหน แน่นอนว่าคุณคงไม่ใส่สีขาวอยู่แล้ว แต่อาจเผลอใส่โทนสีหรือสไตล์ที่ไปเหมือนกับชุดเพื่อนเจ้าสาวเกินไปก็ได้ การแต่งให้เข้ากับธีมสีของงานเป็นเรื่องดี แต่อย่าถึงขั้นเหมือนชุดทีมเจ้าสาวเป๊ะ ๆ
ชุดที่เปิดเผยมากเกินไปก็ถือว่าไม่เหมาะสำหรับการเป็นแขกในงานแต่ง อาจมีบางคนชอบลุคของคุณในวันนั้นก็จริง แต่โดยรวมแล้วภาพลักษณ์อาจไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดีนัก อย่าลืมว่านี่คืองานแต่งงาน การมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ควรถึงขั้นแย่งซีนคู่บ่าวสาว
ถ้ายังไม่แน่ใจในชุดของตัวเอง ลองปรึกษาเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวดู โดยเฉพาะคุณแม่ มักจะเป็นคนที่บอกได้ตรงที่สุดว่าชุดไหน “ได้” หรือ “ไม่เหมาะ” สำหรับไปงานแต่ง!


